ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนของรถยนต์ทุกชนิด เพราะยางเป็นเพียงส่วนเดียวของรถที่จะยึดเกาะกับพื้นถนนในขณะขับขี่ และส่วนประกอบสำคัญในยางที่จะมองข้ามไปไม่ได้นั่นก็คือ "ลมยาง"
คนขับรถต้องรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับลมยาง มาดูกัน
1. ระดับการเติมลมยาง โดยทั่วไป รถเก๋ง (ขอบล้อขนาด 15 นิ้ว) จะเติมลมยางที่ประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ส่วนรถกระบะ อยู่ที่ประมาณ 33-35 PSI ในกรณีที่บรรทุกของหนักจะเติมอยู่ที่ประมาณ 40 PSI ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ที่สำคัญไม่ควรเติมลมยางขณะที่ยางยังมีความร้อนอยู่
2. เช็กลมยางเดือนละ 1-2 ครั้ง ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบความดันลมยางอย่างสม่ำเสมอหรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยนอกจากยางรถยนต์ทั้ง 4 เส้นที่ใช้งานอยู่แล้ว ยังรวมไปถึงยางอะไหล่ของรถด้วย
3. เติมลมยางน้อยเกินไป หากแรงดันในยางน้อยเกินไปการเคลื่อนที่ของแรงดันจะมีมากทำให้รูปร่างของยางนั้นบิดเบี้ยว อาจจะส่งผลให้ล้อขดได้ สิ่งที่ตามมาก็คืออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่สูงขึ้น เพราะตัวเครื่องยนต์จะต้องใช้แรงขับเคลื่อนที่สูงกว่ารถที่มีแรงดันยางปกติ
4. เติมลมยางมากเกินไป หากแรงดันภายในยางมีสูงมากเกินไป ตัวยางจะเกิดการยึดเกาะที่น้อยลง เมื่อสัมผัสกับพื้นถนน แรงดันในยางจะเกิดการเคลื่อนที่ ทำให้เกิดอาการเด้งหรือกระโดดของตัวยาง เป็นสาเหตุทำให้ยางระเบิดได้ง่าย
5. ความร้อนมีผลต่อลมยาง เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นแรงดันภายในยางจะขยายตัว หากเราเติมลมยางในขณะที่รถมีอุณหภูมิปกติ ระดับแรงดันในยางจะปกติ แต่หากขับขี่เป็นระยะทางไกล ๆ ไม่มีการหยุดพัก ตัวรถจะเริ่มมีอาการเด้งและความรู้สึกสะท้านจะเกิดขึ้น แรงดันในลมยางนั้นเกิดการขยายมากขึ้นนั่นเอง
6. กรณีที่เดินทางไกล ควรเพิ่มลมยางอีกประมาณ 3-5 PSI
หมั่นตรวจสอบสภาพลมยางสม่ำเสมอ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ของคุณและเพื่อนร่วมท้องถนน |