รถสตาร์ทไม่ติดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เมื่อบิดกุญแจแล้วมีเสียงดังแชะ พยายามสตาร์ทเครื่องยนต์สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด เมื่อมีสัญญาณเตือนแบบนี้ควรรีบตรวจเช็คสภาพภายในของรถว่ามีส่วนไหนชำรุดหรือควรเปลี่ยนหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ไม่เสี่ยงมีปัญหาระหว่างทาง
แบตเตอร์รี่รถเสื่อม
แบตเตอรี่เสื่อมเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด สังเกตได้จากเสียงสตาร์ทที่จะเอื่อยกว่าปกติ จนสุดท้ายมีเพียงเสียงแชะแล้วเงียบไป อาการจะพบได้ในขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ตอนเช้า หรือหลังจากจอดรถไม่ได้ใช้งานหลายวัน ซึ่งโดยทั่วไปอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์จะอยู่ที่ประมาณ 2 ปี ในเบื้องต้นสามารถเช็กได้จากไฟที่แสดงสถานะบนหน้าปัดรถยนต์
ไดชาร์จรถเสีย
อาการจะคล้ายกับแบตเตอรี่เสื่อม แต่จะต่างตรงที่คุณอาจพบปัญหาเครื่องยนต์ดับไปดื้อ ๆ ขณะกำลังขับขี่ ซึ่งสามารถเช็กอาการไดชาร์จเสื่อมด้วยตัวเองได้โดยการถอดขั้วแบตเตอรี่ออกหนึ่งข้าง หลังจากที่สตาร์ทรถทิ้งไว้ซักพัก หากรถดับทันที หรือกระตุกมีอาการไฟตกแสดงว่าไดชาร์จรถยนต์ของคุณเสื่อมแล้วอย่างแน่นอน
น้ำมันหมด
เป็นอาการที่พบได้บ่อย หากไม่ทันสังเกตขีดน้ำมัน หรือเคสที่ชอบรอให้ขึ้นขีดแดงก่อนแล้วค่อยเติม อาจส่งผลให้มีอาการสตาร์ทไม่ติด ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถังอยู่บ่อย ๆ
ปั๊มติ๊กเสีย
มื่อปั๊มติ๊กเสียหรือเสื่อม จะทำให้ไม่สามารถจุดระเบิดเครื่องยนต์ได้ สาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสียหรือเสื่อมนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันโชว์อยู่เป็นประจำ เพราะระดับน้ำมันเหลือน้อยเกินไป ทำให้ปั๊มติ๊กไม่สามารถดูดน้ำมันขึ้นมาได้ จึงดูดเอาอากาศเข้ามาแทน จนปั๊มเชื้อเพลิงเสียหายในที่สุด
ที่มา : https://citly.me/kWs6i
|